พีระ โองาวา - PASSION BRUNCH

ผมชื่อ พีระ โองาวา ผมเป็นนักวาดรูปธรรมดาคนหนึ่ง ผมเริ่มวาดรูปตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ครั้งแรกที่จำความได้คือครูเรียกผมให้ออกมาวาดรูปบนกระดานจะอนุญาตให้ไม่ต้องทำการบ้าน ผมก็รีบวิ่งไปวาดรูปทันที หลังจากนั้นผมก็วาดรูปมาตลอด
 
วัยเด็กเริ่มต้นจากการวาดภาพฟรีสไตล์และฟรีแฮนด์ โดยวาดคนและสัตว์เป็นหลัก เพราะเป็นสิ่งทั่วไปที่เข้าใจง่าย คนมองออกได้ทันทีว่าคือตัวอะไร และค่อย ๆ วาดให้มีความแอบสแตร็กต์มากขึ้น

ก่อนที่จะทำอาชีพวาดรูปเต็มตัวทำอะไรมาก่อนบ้าง

ผมเรียนที่โรงเรียนเซ็นคาเบรียลถึง ป. 7 หลังจากนั้นคุณพ่อส่งผมไปที่ญี่ปุ่นเพื่อเรียนเกี่ยวกับช่างยนต์ ซึ่งตอนนั้นผมเรียนได้ดี แต่รู้สึกเหงาว้าเหว่เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไปเรียนเมืองนอกเลย อีกอย่างหนึ่งคือผมป่วยและมีอาการ homesick เลยคิดว่าอยากกลับไปอยู่ที่เมืองไทยและรักษาตัวเองมากกว่า
 
พอได้กลับมาเมืองไทยคุณพ่อส่งไปเรียนวาดรูปกับครูจากญี่ปุ่น ในตอนแรกครูเขาไม่อยากจะสอนผม เพราะคิดว่าผมเรียนเกี่ยวกับช่างและเครื่องยนต์มา มือไม้น่าจะแข็งและคิดว่าไม่น่าจะวาดรูปได้ จนพอเขาได้เห็นว่าผมวาดรูปได้เหมือนและมีฝีมือจึงยอมสอนผมทำให้ผมได้มีโอกาสฝึกวาดรูปมาเรื่อย ๆ
 
ช่วงเวลาตอนหนุ่ม ๆ ผมเปิดร้านขายข้าวหมูแดงกับแฟนที่ประตูน้ำ แต่สำหรับผมงานหลักตอนนั้นถือว่าเป็นงานวาดภาพ ในตอนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งมาซื้อภาพของผมไป เป็นรูปพระเยซู ซึ่งผลงานชิ้นนั้นในตอนนี้ถูกไฟไหม้ไปแล้ว จากนั้นจึงลองนำภาพไปฝากขายที่แกลลอรี่แห่งหนึ่ง แต่กลับขายไม่ได้เลย
 
การขายงานในแกลลอรี่มันมีอะไรที่มากกว่าการฝากขายงาน มันมีเรื่องของการที่เราต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้เขาเสนองานเรากับผู้ซื้อ การทำงานศิลปะมันเลยกลายเป็นเหมือนเรื่องของผลประโยชน์ ผมเองไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้สักเท่าไหร่จึงตัดสินใจนำงานกลับมาและตัดสินใจไม่ส่งงานไปขายในแกลลอรี่

แปลว่าไม่เคยขายงานอีกเลยแต่วาดเก็บไว้เอง

ผมไม่ได้ขายงานของตัวเองและไม่เคยจัดแสดงงานมาก่อนเลยในชีวิต ผมตัดสินใจวาดรูปไปเรื่อย ๆ ถ้าเจอคนที่รู้สึกชอบผลงานของเรา เราจะให้ภาพเขาไปแทน แทนที่จะรอให้เขามาซื้อ ผมจะมอบภาพที่ดีที่สุดของผมให้ทุกคนที่ผมอยากจะให้เขาได้เก็บเอาไว้ ส่วนมากคนที่มีงานผมจะเป็นเพื่อนและคนรอบตัว

ผมได้รับการยอมรับจากทุกคนทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำมาตลอดมันไม่เสียประโยชน์และไม่ได้เสียเวลาเลย

 

เหตุผลที่ทำให้กลับมาแสดงงานอีกครั้งคืออะไร

ในช่วงก่อนหน้านี้ผมส่งงานประกวดภาพวาดอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าผมจะส่งที่ไหนผมไม่เคยได้รับเลือกเลยสักครั้งจนกระทั่งงาน Bangkok Illustration Fair ผมได้รับรางวัล popular vote และให้โอกาสผมได้แสดงงานที่ทำให้ผมเป็นที่รู้จักอีกมากมาย มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมาก ๆ ผมได้รับการยอมรับจากทุกคนทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำมาตลอดมันไม่เสียประโยชน์และไม่ได้เสียเวลาเลย
 
ผมเคยมีความฝันที่อยากจะไปโชว์งานที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครสักครั้ง ซึ่งตอนนี้ผมก็สมหวังตามที่ผมได้คิดไว้แล้ว Bangkok Illustration Fair ได้มอบรางวัลและได้นำงานไปจัดแสดงที่ River City Bangkok ด้วย

จุดเริ่มต้นในการวาดรูปทรงเลขาศณิต

ตอนนั้นผมไปเดินเล่นที่ห้างฯ ไดมารู แล้วได้เจอกับร้านเครื่องเขียนที่มีขายไม้บรรทัดที่ใช้สำหรับการเขียนแบบงานสถาปัตย์ เลยได้ซื้อมาลอง เพราะเป็นเด็กที่ชอบวิชาเรขาคณิตเป็นอย่างมาก ผมเริ่มประยุกต์ใช้เครื่องมือเหล่านั้นโดยการตีเส้นจากไม้บรรทัดลงบนกระดาษ สร้างเส้นทแยงมุมด้วยการแบ่งครึ่งตัวเส้นไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นจุดตัดระหว่างกัน จากนั้นผมจะวาดจากจุดตัดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งจนกลายเป็นรูปทรงอะไรก็แล้วแต่ที่เราตั้งใจวาดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือแมลงต่าง ๆ 

ใช้ช่วงเวลาไหนในการวาดรูป

ผมวาดตลอดเวลาเลยครับ ช่วงพักกลางวัน หลังเลิกเรียน หรือถ้ามีเวลาว่างตอนไหนผมก็จะวาดรูปอยู่ตลอด ผมไม่เคยเบื่อเลย เพราะการวาดรูปเรียกได้ว่าเป็นชีวิตจิตใจของผม ไม่เคยขี้เกียจมีแต่ความรู้สึกอยากวาดอยู่ตลอดเวลา

แนะนำสำหรับคนที่ตามหาแพสชัน

ผมแนะนำว่าให้ตามหามันไปเรื่อย ๆ และอย่าทิ้งความฝันไว้กลางคัน แค่เพราะว่าเราไม่สามารถทำมันได้ในตอนนั้น แต่ถ้าคุณให้เวลากับสิ่งที่คุณทำคุณจะเกิดความรักและผูกพันกับมันเหมือกับที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ ทุกวันนี้ผมยังวาดรูปเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่เลย

Secret Facts

ความจริงแล้ว ผมใช้ชีวิตกับความผิดหวังมาตลอดทั้งชีวิต

เพราะในความเป็นจริงแล้วครอบครัวของผมเห็นผมวาดรูปซะจนชินแล้ว มันเป็นชีวิตประจำวันของผม ที่คนในบ้านชินกับมัน ผมวาดรูปทุกวันและไม่ได้มีใครรู้สึกว่าจะต้องนำงานออกไปขายหรือพยายามทำให้ผมเป็นที่รู้จัก 

ทุกคนสนับสนุนการวาดรูปของผม สนับสนุนในการซื้อกระดาษและเครื่องเขียนให้ผมได้วาดรูปในทุก ๆ วันด้วย ลูกชายกับลูกสะใภ้พยายามจะเปิดทางให้ผมส่งงานเข้าประกวดกับทาง BKKIF โอกาสในครั้งนี้มันทำให้ผมมีความสุขกับงานตัวเองมาก ๆ ครับ

บุคคลที่ประทับใจและอยากแนะนำให้รู้จัก

ผมประทับใจภรรยาที่คอยสนับสนุนผม ตอนนั้นเขายังแบ่งรายได้จากการขายข้าวหมูแดงหมูกรอบเป็นค่าอุปกรณ์วาดภาพให้และอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าอุปกรณ์เครื่องเขียนในการวาดภาพมีราคาที่ค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับลูก ๆ ของผมพวกเขาจะพยายามสนับสนุนผมเสมอมา เพื่อน ๆ ของผมก็เช่นกัน พวกเขายอมรับในตัวผมและคอยให้กำลังใจผมเสมอมา
 

ตอนไหนที่รู้สึกดีใจที่สุดในชีวิต

ตอนที่ผมได้แสดงงานครั้งแรกที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ครับ
 

สถานที่ที่ชอบที่สุด

ผมชอบหอศิลป์กรุงเทพฯ
ผมชอบไปทะเลหรือไปที่ไหนก็ได้ที่ลูก ๆ พาไปเที่ยว
 

สีที่ชอบที่สุด

สีแดงคือสีที่ผมชอบที่สุด เพราะเป็นสีที่มีความหมายถึงความเป็นเลือดเนื้อและชีวิตจิตใจ

EXPLORE MORE